แอฟริกันเกรย์
“แอฟริกันเกรย์” นกแก้วช่างพูดที่คนในวงการต่างยอมรับว่าเป็นนกที่ฉลาดกว่าบรรดานกทั้งหมด ด้วยจุดเด่นนี้คนชอบนกจึงไม่อาจปฏิเสธที่จะไม่เลี้ยงได้ จึงกลายเป็นนกอันดับต้นๆ ซึ่งคนอยากเลี้ยงมากที่สุดในประเทศไทย การเลียนเสียงพูด และทำกิจกรรมต่างๆได้มากมาย ความสามารถที่พิเศษเกินสัตว์เลี้ยงธรรมดาจึงติดตาตรึงใจให้ M-pet มาเยือนถึงฟาร์มนก เพื่อทำความรู้จักกับเจ้านกแก้วอัจฉริยะกันแบบตัวเป็นๆ เลย
นกแก้วอัจฉริยะ
วันนี้อยากให้ทุกคนได้รู้จักนกแก้วช่างพูด จึงขอแนะนำ “แอฟริกันเกรย์” นกแก้วที่มีไอคิวสูงที่สุด ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่สามารถเลียนเสียงคนได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น ผู้เลี้ยงสามารถสอนนกชนิดนี้ร้องเพลงได้เลยทีเดียว ซึ่งแต่ละตัวนั้นจะมีความฉลาดมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับคนเลี้ยงว่าจะดูแลและเอาใจใส่ที่จะสอนนกมากเพียงใด
“แอฟริกันเกรย์เป็นนกที่อาศัยอยู่ในเขตป่าร้อนชื้น ชอบความเงียบสงบ ปกติจะอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ แต่พอมีคู่จะแยกตัวออกไปจากฝูง เพื่อหาแหล่งเพาะขยายพันธุ์และอยู่กับคู่ของตัวเอง”
นอกจากความสามารถที่เลียนเสียงสิ่งต่างๆได้อย่างชาญฉลาดแล้ว นกแอฟริกันเกรย์ยังสามารถฝึกให้ทำสิ่งต่างๆได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คาบปากกา ไต่เชือก ชักธงชาติ แล้วแต่กิจกรรมที่คนเลี้ยงต้องการฝึกให้เป็นอย่างไร นิสัยแสนรู้ เชื่องง่าย จึงเพิ่มเสน่ห์ให้กับนกแอฟริกันเกรย์ไม่แพ้เสียงพูดเลย
เมื่อลูกนกจะเกิด
เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ช่วงปลายฤดูหนาวเข้าฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่นกสามารถขยายพันธุ์ได้มากที่สุด หลังจากนั้นเมื่อถึงฤดูฝนก็จะออกไข่น้อย เพราะเป็นช่วงผลัดขนเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะผสมพันธุ์ต่อไปในหน้าหนาว แต่ถึงอย่างไรแล้วนกก็ยังผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี
“สำหรับนกแอฟริกันเกรย์ มีความพร้อมที่จะขยายพันธุ์เมื่ออายุ 4 ปีขึ้นไป ใช้ระยะเวลาในการตั้งท้องประมาณ 15 วัน หลังจากผสมพันธุ์แล้ว ไข่ก็จะเจริญเติบโตพร้อมที่จะออกมาเป็นไข่ ซึ่งจะออกไข่ประมาณ 3 วันต่อใบ (ถ้าครอกนี้ออกไข่ 3 ใบก็ต้องใช้เวลา 9 วัน) และมีระยะฟักตัวประมาณ 24-25 วัน (นกแอฟริกันเกรย์สามารถดูเพศได้เมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป) เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 700 กรัม และมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 ปี บางทีคนเลี้ยงก็อาจตายไปก่อนนกเสียอีก
สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อไปเลี้ยงควรอยู่ที่อายุไม่เกิน 3 เดือน เพราะว่าหลังจาก 3 เดือนไปแล้ว ความคุ้นเคยก็จะไม่เชื่องสนิทเหมือนที่เลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็ก จึงแนะนำให้เลี้ยงนกในช่วงอายุนี้จะดีที่สุด
นอกจากนกแอฟริกันเกรย์แล้ว ภายในฟาร์มแห่งนี้ยังมีจำนวนนกแก้วหลากหลายสายพันธุ์ หลักๆ เช่น มาคอว์, อีเล็กตัส, ซันคอนัวร์, คริมสัน, คอนัวร์, กระตั้ว, ริงค์เน็ก ฯลฯ ซึ่งเป็นสายพันธุ์จากต่างประเทศทั้งหมด
เลี้ยงให้เป็นธรรมชาติ
การเลี้ยงสัตว์ไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน การใส่ใจเรื่องธรรมชาติของสัตว์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ การเลี้ยงสัตว์ที่ดีต้องเลี้ยงให้คล้ายคลึงกับธรรมชาติมากที่สุด การเรียนรู้ลักษณะนิสัย การหาอาหาร ที่อยู่อาศัย การผสมพันธุ์ ซึ่งผู้เลี้ยงจำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจถึงพฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตว์นั้นๆ ด้วย
อาหารสำหรับนกแอฟริกันเกรย์หาได้ไม่ยาก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นพวกธัญพืชชนิดต่างๆ จำพวกเมล็ดทานตะวัน ถั่ว ข้าวโพด รวมทั้งผลไม้สด เช่น ฝรั่ง ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง จึงช่วยเสริมให้สัตว์มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง และโดยธรรมชาติแล้ว นกจะกินผลไม้เป็นหลักอยู่แล้ว เมื่อคนนำมาเลี้ยง ผู้เลี้ยงจึงต้องหาผลไม้สดให้ด้วย รวมทั้งเสริมด้วยสารอาหารจำพวกแร่ธาตุ แคลเซียม วิตามินซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสัตว์โดยเฉพาะ
“ในช่วงเวลาการให้อาหารนก ควรเป็นเวลาเช้า-เย็น อย่างละ 1 มื้อ ซึ่งจะกำหนดเวลาไหนในช่วงเช้าและเย็นก็แล้วแต่ความสะดวกของผู้เลี้ยง และไม่ควรทิ้งอาหารไว้ข้ามคืน เพราะอาจเกิดมีสัตว์อื่นเข้ามากินอาหารที่นกกินไม่หมด อย่างหนู มด แมลงสาบ รวมถึงอาหารที่ค้างไว้หลายๆวัน ก็อาจเกิดเชื้อรา หรือแบคทีเรียที่อาจเกิดอันตรายแก่ตัวนกด้วยเช่นกัน ส่วนน้ำถ้าให้ตอนเช้า ควรเททิ้งตอนเย็นทุกวัน ดังนั้นอาหารทุกชนิดจึงควรให้วันต่อวันเท่านั้น”
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ธุรกิจการเพาะเลี้ยงนกจึงดูไม่ธรรมดาเลยทีเดียว จึงสอบถามราคานกแอฟริกันเกรย์มาให้ทราบกัน “ลูกป้อนเพิ่งเกิดใหม่ในอายุประมาณ 45 วัน ขายตัวละ 12,000-13,000 บาท สำหรับอายุ 60 วัน ก็จะอยู่ที่ 13,000-14,000 บาท และถ้าขนคลุมแล้ว ในอายุประมาณ 4 เดือน ขายราคา 15,000 บาทขึ้นไป ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับอายุของนกที่ลูกค้าต้องการซื้อ”
ขณะนี้ไชยรัตน์ เบิร์ด ฟาร์ม ยังมีผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในต่างประเทศที่ยังคงติดต่อซื้อขายกัน เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน มัลดีฟส์ และมาเลเซีย ซึ่งทางฟาร์มเองก็กำลังขยายกรงเพิ่มอีก 60 กรง นกแอฟริกันเกรย์จึงยังมีที่ว่างสำหรับมือใหม่ๆ อีกมาก เจ้าของฟาร์มยังบอกอีกว่า “ธุรกิจในวงการของสัตว์เลี้ยงขณะนี้ ถือเป็นธุรกิจที่ดีในระดับหนึ่ง เนื่องจากคนวัยทำงานมีความเครียดมากขึ้น จึงต้องการหาสัตว์เลี้ยงมาผ่อนคลาย”
ถ้าใครอยากลงทุนเพาะเลี้ยงดูบ้าง จึงคำนวณค่าใช้จ่ายมาให้คร่าวๆ ดังนี้ พ่อแม่พันธุ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด มี ราคาอยู่ที่ 25,000 บาทต่อคู่ กรงเลี้ยง ประมาณ 4,000-5,000 บาทต่อกรง นอกจากนี้ เป็นอุปกรณ์ใช้เลี้ยงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อยากลงทุนเลี้ยงจำนวนเท่าใด ก็คำนวณจากยอดงบประมาณการลงทุนหลักๆ คือพ่อแม่พันธุ์ และกรงเลี้ยงเป็นตัวกำหนด ส่วนระยะคืนทุนสำหรับฟาร์มใหญ่ อาจต้องใช้เวลาถึง 2 ปี
วัยเจริญพันธุ์ 4 ปีขึ้นไป
ระยะตั้งท้อง ประมาณ 15 วัน
ระยะฟักไข่ ประมาณ24-25 วัน (3 วัน/ฟอง)
จำนวนไข่ 9 ฟอง/ปี
ขนาดครอก 3 ตัว/ครั้ง
น้ำหนักโตเต็มวัย ประมาณ 700 กรัม
ช่วงชีวิต 40 ปีขึ้นไป